
Table of Contents
ในยุคของ Short-Form Video Content ที่มาแรงไม่หยุด Instagram Reels และ Facebook Reels กลายเป็นฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยมีการคาดการณ์ว่าในอนาคตอาจจะเป็น “หัวหอก” หลักของ Meta ในการต่อสู้กับ TikTok คำถามที่หลายแบรนด์สงสัยคือ Reels ของ Instagram กับ Reels ของ Facebook นั้น “ต่างกันยังไง?” และ “ควรเลือกใช้แพลตฟอร์มไหนให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย?”
บทความนี้จะช่วยคุณไขข้อสงสัย เจาะลึกถึง จุดเด่น และ ข้อควรพิจารณา ของแต่ละฟีเจอร์ รวมถึงเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการทำ Reels ให้ปัง มี Engagement สูง แบรนด์ของคุณจะสามารถเลือกใช้ได้เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด
รู้จัก Instagram Reels และ Facebook Reels
- Instagram Reels
- เปิดตัวครั้งแรกในปี 2020 เพื่อแข่งกับ TikTok นำเสนอวิดีโอสั้น ๆ 15-30 วินาที (ภายหลังขยายได้ถึง 90 วินาที)
- มี Effects, Music, และ Editing Tools ให้เลือกหลากหลาย ข้อดีคือผู้ใช้ IG คุ้นชินกับการสร้างสรรค์ภาพและวิดีโอสวย ๆ อยู่แล้ว
- Facebook Reels
- เริ่มเปิดตัวในสหรัฐฯ ช่วงปี 2021 และทยอยขยายไปยังประเทศอื่น ๆ รวมถึงประเทศไทย
- จุดแข็งอยู่ที่ฐานผู้ใช้ Facebook ที่ยังคงใหญ่ที่สุดในโลก และสามารถแชร์ Reels ไปยัง Feed, Groups, และ Pages ได้ง่าย
ความแตกต่างหลักระหว่างสองฟีเจอร์
- ฐานผู้ใช้ (User Demographics)
- Instagram: สัดส่วนผู้ใช้อาจเบนไปทางวัยรุ่นถึงวัยทำงานช่วงต้น เน้นสายแฟชั่น การท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์ ฯลฯ
- Facebook: มีผู้ใช้หลากหลายวัยกว่า โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 30+ ขึ้นไป และต่างพื้นที่ทั่วโลก
- การกระจายคอนเทนต์ (Content Distribution)
- Reels บน IG มักถูกโชว์ในหน้า Explore และ “Reels Tab” ทำให้เข้าถึงกลุ่มคนที่ไม่เคยติดตามคุณมาก่อน
- Reels บน FB ปรากฏได้หลายที่ เช่น Feed ของเพื่อนและกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสไวรัลในวงกว้าง โดยเฉพาะถ้าแชร์ต่อเป็นลูกโซ่
- ฟีเจอร์และเครื่องมือ (Editing & Effects)
- ทั้งสองแพลตฟอร์มมีฟังก์ชันพื้นฐานคล้ายกัน (เช่น ใส่เพลง, ตัดต่อ, ใส่ข้อความ) เพราะพัฒนาโดย Meta แต่บางเอฟเฟ็กต์อาจมีเฉพาะใน IG Reels ก่อน
- ในอนาคตคาดว่าทั้งสองระบบจะผสานกันมากขึ้น
- การซื้อโฆษณา (Ads)
- สามารถทำ Reels Ads ได้บนทั้ง IG และ FB แต่ กลุ่มเป้าหมาย ที่เห็นอาจต่างกัน ดังนั้นหากแบรนด์มีงบโฆษณา อาจต้องเลือก Placement ให้เหมาะสม
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้งาน Reels
- สายบันเทิง ชอบคอนเทนต์สนุก
- ชอบดู Reels ที่เป็นตลก, เต้น, การเลียนแบบเสียงเพลง (Lip Sync), เรื่องสั้นที่ขำขัน เป็นต้น
- สายความรู้ (Edutainment)
- นิยมวิดีโอสั้นที่ให้ความรู้ เช่น สอนแต่งหน้า สอนทำอาหาร เคล็ดลับ DIY สาระการเงิน-สุขภาพ ฯลฯ
- สายไลฟ์สไตล์
- ดูเทคนิคการแต่งตัว, รีวิวสินค้า, รีวิวสถานที่ท่องเที่ยว และแฟชั่นใหม่ ๆ
- กลุ่มตามแพลตฟอร์ม
- IG Reels: คนที่อินกับภาพลักษณ์สวยงาม ชอบศิลปะ แฟชั่น คัดสรรรูป/วิดีโอให้ดูดี
- FB Reels: พบบุคคลหลากหลายกลุ่มกว่า ตั้งแต่สายครอบครัว วัยทำงานตอนปลาย ไปจนถึงกลุ่มสูงอายุ บางครั้งก็เน้นคอนเทนต์ง่าย ๆ ภาพฟีลลิ่งอบอุ่น
แนวทางทำ Reels ให้แบรนด์โดดเด่น
- เปิดเรื่องให้น่าสนใจใน 3 วินาทีแรก
- เพื่อดึงดูดไม่ให้คนเลื่อนผ่าน ควรใส่ Key Visual หรือข้อความสั้น ๆ กระแทกใจ เช่น “โปรนี้มีวันเดียว!” หรือ “วิธีลดไขมันอย่างเร็วใน 3 ขั้นตอน”
- ใช้เสียงหรือเพลงที่เป็นกระแส
- เลือก Music หรือ Sound ที่กำลังฮิตบน Reels เพราะมีโอกาสที่ระบบจะแนะนำวิดีโอของคุณให้คนอื่นเห็นมากขึ้น
- แฮชแท็กและคำบรรยาย (Caption)
- เลือกแฮชแท็กให้ตรงประเด็น และเขียนคำบรรยายที่สั้น กระชับ แต่สื่อสารจุดหลักของวิดีโอ
- Call to Action (CTA)
- อาจเป็นการชวนคนกดติดตาม เพื่อลุ้นรับของรางวัล, หรือคลิกดูสินค้าต่อในลิงก์ชีวประวัติ (Bio Link) เพื่อนำคนเข้าสู่หน้าเว็บหรือร้านค้าออนไลน์
- ใส่ความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
- อาจจะเป็นโลโก้ สีประจำแบรนด์ หรือสไตล์ตัดต่อที่ผู้ชมเห็นแล้วจดจำได้ว่าคุณคือใคร
- เลือกความยาวเหมาะสม
- ถ้าเนื้อหาสั้นจริง ๆ 15-30 วินาทีก็พอ หากต้องการสอนหรืออธิบายยาว อาจขยายเป็น 60-90 วินาที แต่ไม่ควรยืดเยื้อเกินไป
การสร้าง E-A-T ผ่านวิดีโอสั้น
- Expertise
- แม้วิดีโอจะสั้น แต่ถ้าเป็นเนื้อหาเชิงวิชาการหรือมีข้อมูลเชิงลึก ควรระบุอ้างอิงสั้น ๆ หรือบอกว่าเนื้อหามาจากผู้เชี่ยวชาญจริง
- Authoritativeness
- ถ้าคุณเป็นแบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาด หรือมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ควรสอดแทรกเครดิตเล็ก ๆ ทำให้คนดูรู้สึกว่าข้อมูลเชื่อถือได้
- Trustworthiness
- การตั้งค่าบัญชีให้เป็นทางการ (Verified) บน Instagram/Facebook อัปเดตข้อมูลติดต่ออย่างสม่ำเสมอ และตอบคอมเมนต์ด้วยความจริงใจ
ตัวอย่างเคสแบรนด์ที่ใช้ Reels สำเร็จ
Case Study 1: ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น IG “X Fashion”
- เน้นทำ Reels โชว์ชุดในลุคต่าง ๆ พร้อมใส่เพลงปัง ๆ ในช่วงเวลาที่เทรนด์กำลังมาแรง
- แท็ก #OOTD (Outfit of the Day) และ #StreetStyle ได้ผลตอบรับดี มียอดดู (Views) เกิน 100,000 ภายใน 3 วัน
Case Study 2: ร้านเบเกอรี่ “Y Bakery” บน Facebook
- ทำ Reels แบบสั้น ๆ สอนทำเมนูขนมง่าย ๆ วันละสูตร ใช้เพลงฮิตผ่อนคลายและใส่ Subtitles อธิบายสัดส่วน
- แชร์ลงกลุ่ม Facebook เกี่ยวกับ “เมนูทำเองง่าย ๆ” ปรากฏว่ามียอดแชร์ต่อเยอะมาก จนคนเข้ามาดู Page เพิ่มขึ้น 50% ในหนึ่งสัปดาห์
FAQ คำถามที่พบบ่อย
Q1: ควรลง Reels แบบเดียวกันใน IG และ FB หรือไม่?
A: สามารถทำได้ แต่การปรับแต่งตามบริบทของแต่ละแพลตฟอร์มจะได้ผลดีกว่า เช่น ใส่แคปชันหรือแฮชแท็กให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายใน IG หรือ FB
Q2: ระหว่าง Instagram Reels กับ Facebook Reels แบบไหนมีโอกาสไวรัลมากกว่ากัน?
A: ขึ้นอยู่กับกลุ่มผู้ชมและประเภทคอนเทนต์ บน IG Reels อาจไวรัลเร็วในกลุ่มวัยรุ่นหรือสายไลฟ์สไตล์ ส่วน FB Reels อาจเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้หลากหลายวัยได้กว้างกว่า
Q3: ต้องจ่ายโฆษณาเพื่อให้ Reels ถูกเห็นมากขึ้นไหม?
A: หากคอนเทนต์คุณดีและถูกใจกลุ่มเป้าหมาย ระบบอัลกอริทึมก็พร้อมดันให้อยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการเพิ่มการเข้าถึงอย่างเร่งด่วน การจ่ายโฆษณาก็เป็นทางเลือกหนึ่ง
Q4: ขายของผ่าน Reels ทำได้ไหม?
A: ทำได้ แต่ควรทำผ่านการเล่าเรื่องหรือแนะนำสินค้าแบบน่าสนใจ ไม่ใช่แค่โฆษณาตรง ๆ เพราะคนอาจไม่ชอบ โปรโมตเพิ่มด้วยลิงก์ใน Bio หรือใช้ฟังก์ชัน Shopping ของ Instagram/Facebook ควบคู่กัน
Q5: ถ้าคอนเทนต์เราเป็นเชิงวิชาการหรือตัวเลข จะทำ Reels ยังไงให้น่าสนใจ?
A: ใช้ Infographic สั้น ๆ หรือแสดงข้อมูลด้วยภาพประกอบที่เข้าใจง่าย ใส่ Voice Over ที่สรุปให้ชัดเจน แล้วแปลงประเด็นยาก ๆ ให้อ่านหรือฟังได้ภายในเวลาอันสั้น
สรุป
Instagram Reels และ Facebook Reels เป็นฟีเจอร์วิดีโอสั้นที่มีศักยภาพสูง ทั้งในการกระตุ้นการมีส่วนร่วม (Engagement) และขยายฐานลูกค้า ถ้าคุณมีสินค้าหรือบริการเจาะกลุ่มวัยรุ่นจนถึงวัยทำงานที่ชื่นชอบความสวยงาม IG Reels อาจตอบโจทย์ได้ดี ขณะที่ถ้าคุณต้องการเข้าถึงผู้ใช้ที่กว้างขวางและหลากหลายช่วงอายุ Facebook Reels ก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวว่าควรเลือกแพลตฟอร์มไหน แนะนำให้ลองทั้งสอง แต่ปรับกลยุทธ์คอนเทนต์ให้เข้ากับ “ธรรมชาติ” ของแต่ละแพลตฟอร์ม อย่าลืมใส่ใจ E-A-T เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ติดตาม และหมั่นทดลองวัดผล (Analytics) เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ให้ดียิ่งขึ้น
เมื่อคุณเข้าใจความแตกต่างและจุดแข็งของ Reels ทั้งสองแพลตฟอร์ม คุณก็สามารถสร้างคอนเทนต์ที่โดดเด่น ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย และต่อยอดธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนในยุคที่วิดีโอสั้นกำลังครองโลกโซเชียล!